วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ดูพระอาทิตย์ตกดินที่บางแสน ไม่แพ้ที่ใดในเมืองไทย

         

               หากจะพูดถึงบางแสนหลายคนอาจจะนึกถึงเพียงแค่หาดที่มีเปผ้าใบพร้อมกับอาหารทะเลที่มาเสิร์ฟถึงที่ ซึ่งถ้าจะถามผมก่อนหน้านี้ก็ต้องบอกว่า ก็คิดแบบนั้นเหมือนกันไม่มีอะไรพิเศษสำหรับบางแสน
               แต่การเดินทางรอบนี้ต้องบอกว่าเปลี่ยนความคิดไปเลยครับเรื่องบางแสน เพราะเราได้ไปแล้วเจอรุ่นน้องที่เรียนอยู่ที่มหาลัยบูรพา น้องเค้าแนะนำว่า "พี่ๆรู้จัก walking street บางแสนป่าว" ด้วยความไม่รู้ก็คิดว่าน่าจะเป็นตลาดนัดทั่วไปที่ตั้งตอนกลางคืน จริงๆแล้วมันก็ไม่เหมือนซะทีเดียวหลังจากไปที่ได้ฟังจากน้องเค้าเล่า แต่เราก็สนใจนะ จึงบอกว่าเราจะไปเดินเล่นที่นั้น มันต้องมีของอร่อยๆเยอะแน่นอน
              ผมเดินหน้าจากจุดที่ผมนั่งกินข้าวอาหารทะเลแบบอิ่มหน่ำสำราญแล้ว โดยกะว่าจะเดินย่อยไปถ่ายรูปไป แบบชิลๆ ไม่คิดอะไรมาก แต่เดินไปเดินมาเอ๊ะมันไม่ใช่ใกล้ๆนะเนี่ย ปรากฎว่ามันน่าจะ 2-3 กิโลเมตรได้กว่าจะถึง แต่พอไปถึงก็รู้สึกว่าตรงที่ผมเห็นนั้นเค้าเรัียกกันว่า Walking Street บางแสน ผมทำไมไม่เคยมาว่ะ ถามไปถามมาได้ความว่ามันคือจุดที่คนแถวนั้นเรียกว่า "แหลมแท่น" เป็นจุดที่คนแถวนั้นและนักท่องเที่ยวนิยมมาดูพระอาทิตย์ตกดินที่นั้น แต่นั้นแหละครับ ผมก็ไม่เคยรู้มาก่อนเหมือนกัน ว่ามีสถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับบางแสนแค่ปลายจมูกเอง
              พอไปถึงก็พบว่าบรรยากาศตรง Walking Street มันก็เป็นเหมือนคล้ายๆกับตลาดนัดทั่วไป แต่มีสิ่งที่ดึงดูดจริงๆคือจุดดูพระอาทิตย์ตกดินที่แหลมแท่นนี่หละครับ ผมถ่ายรูปเล่นเก็บบรรยากาศบริเวณนั้นไว้เป็นบันทึกความทรงจำที่ผมอยากบอกว่า ตอนพระอาทิตย์ตกดินนั้นสวยงามจริงๆ แบบว่าไม่แพ้ที่ใดในโลกแห่งหนึ่งครับ(ขอเว่อร์นิดนึง)หากคุณมีโอกาสเดินทางมาบางแสนอย่าลืมแวะที่แหลมแท่นดูพระอาทิตย์ตกดินนะครับ



บรรยกาศที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน



บรรากาศหลังพระอาทิตย์ตกดิน

วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554

บันทึกการเดินทางที่ผมไม่ได้ไปด้วยตัวเอง........

การบันทึกความทรงจำในการเดินทางนั้นแต่ละคนมีวิธีการบันทึกที่่แตกต่างกัน บางคนอาจจะเลือกจดบันทึก บางคนถ่ายรูปเก็บไว้ หรือบางคนอาจจะซื้อของที่ระลึกบางอย่างไว้เพื่อบันทึกความทรงจำว่าครั้งหนึ่งนั้นเราเคยมาเหยียบที่ตรงนั้นแล้ว สำหรับผมแล้วมักจะถ่ายรูปไว้เป็นการบันทึกความทรงจำของผมเอง
แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ผมมักจะบอกกับเพื่อนๆพี่ๆ หรือคนที่รู้จักเวลาพวกเขาไปเที่ยวไหน ผมจะบอกพวกเขาว่า
"ของฝากไม่ต้องน่ะ ขอโพสต์การ์ดใบเดียวพอ" ผมเริ่มที่จะบอกคนที่ผมรู้ว่าเค้าไปเที่ยวไหนด้วยประโยคนี้เสมอ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเวลาประมาณ 2 ปีได้แล้วที่ผมเริ่มที่จะขอโพสต์การ์ดจากพวกเขา แต่ขอบอกว่าผมไม่ได้สะสมโพสต์การ์ดอย่างเดียว แต่ผมเป็นการบันทึกการเดินทางที่ผมไม่ได้ไปเองอีกด้วย โดยผ่านจากการเล่าเรื่องราวผ่านกระดาษด้านหลังภาพของโพสต์การ์ด จากหนึ่งใบกลายเป็นสอง  สาม สี่ ห้า.........หลายสิบใบเข้าให้แล้ว แบบว่ามีทั้งในประเทศและต่างประเทศ  โดยด้านหลังโพสต์การ์ดแน่นอนว่าคนที่ส่งให้ผมนั้นจะเขียนความประทับใจที่ได้ไปเที่ยวที่แห่งนั้น มันเหมือนการบันทึกความทรงจำที่ผมไม่ได้ไปเอง แต่เราสามารถรับทราบความรู้สึกผ่านโพสต์การ์ดใบนั้น ผมได้บอกกับคนที่ส่งให้ผมว่าวันหนึ่งผมจะไปตามสถานที่ในโพสต์การ์ดที่พวกเขาส่งให้ครบทุกใบ แต่ดูแล้ว ณ ตอนนี้ผมได้รับมาก็ใกล้จะครบ 100 ใบแล้ว คงใช้เวลาปีสองปีไปไม่ครบแน่ๆแต่ก็จะพยายามไปให้ครบทุกที่ครับ ส่วนด้านล่างเป็นรูปภาพของโพสตืการ์ดทั้งหมดที่ผมได้รับจากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆครับ
ส่วนผู้ที่ต้องการเข้าไปอ่านบันทึกความทรงจำของเพื่อนๆของผมที่เขียนส่งมาให้ผมสามารถอ่านได้ที่
http://www.facebook.com/media/set/?set=a.415115869310.191294.650509310&type=1